ประวัติความเป็นมาสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ
“สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ” เป็นหน่วยงานที่พัฒนามาจาก “ศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการ” ที่ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย รัฐบาลสหรัฐอเมริกา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ เมื่อปี พ.ศ.2510 โดยได้รับทุนสนับสนุนด้านครุภัณฑ์ติดอาคารจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ และทุนสนับสนุนในการดำเนินการจัดตั้งและดำเนินการวิจัย จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา(US NIH) ให้ดำเนินงานวิจัยเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยมีคณะผู้วิจัยและผู้บริหารหลักเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศ จากนั้นได้ส่งมอบให้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และ ได้รับการยกฐานะให้เป็นสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพซึ่งเป็นส่วนงานระดับคณะในวันที่ 11 ตุลาคม 2521 ในปี พ.ศ.2508 รัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่นได้มีโครงการความช่วยเหลือด้านวิชาการ การวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชากรในประเทศภาคพื้นเอเชียอาคเนย์และได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ “US-JAPAN Cooperative Medical Sciences Program” คณะกรรมการได้มีมติดำเนินการวิจัยเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาโภชนาการของเด็กก่อนวัยเรียนซึ่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กโดยเฉพาะประเทศที่ด้อยพัฒนาในภาคพื้นเอเชีย และได้เชิญ Professor Robert E. Olsen หัวหน้าภาควิชาชีวเคมี มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นให้เป็นผู้รับผิดชอบเสนอโครงการ ขอรับทุนจาก National Institute of Health (NIH) เพื่อจัดตั้งศูนย์วิจัยคลินิกที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ในปี พ.ศ.2509 NIH ได้อนุมัติข้อเสนอโครงการที่ Professor Olsen เสนอไปในขั้นต้นเป็นเวลา 5 ปี โดยมีเงื่อนไขในการให้ทุนดังนี้
เมื่อรัฐบาลไทยและหน่วยงานข้างต้นยอมรับเงื่อนไขในเดือนเมษายนปี พ.ศ.2510 ต่อมาในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน NIH ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการช่วงแรก จึงถือเป็นกำเนิดของศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการมีการตั้งคณะผู้วิจัยเพื่อปฏิบัติงานประจำศูนย์วิจัยฯ โดยมี Professor Olsen ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ Dr. Jo Anne Whitaker เป็นผู้อำนวยการภาคสนาม และ Mr. Donald Gibson เป็นหัวหน้างานบริหารทั่วไป รวมทั้งได้จัดหาผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศในสาขาต่างๆ เพื่อมาปฏิบัติงานประจำที่ศูนย์วิจัยฯ จากนั้นศูนย์วิจัยฯ ได้ดำเนินการจ้างบุคลากรไทยที่มีความรู้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานในแผนกต่างๆ ได้แก่ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ
นักโภชนาการ พนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่ธุรการ ในส่วนของคณะแพทยศาสตร์ได้แต่งตั้งให้ศาสตราจารย์ นพ.อาวุธ ศรีศุกรี เป็นหัวหน้าคณะผู้วิจัยฝ่ายไทยและมีรองศาสตราจารย์ พญ.อุษา ธนังกูล เป็นผู้ประสานงานระหว่างคณะแพทยศาสตร์และศูนย์วิจัยฯ ระยะแรกของการเริ่มดำเนินการศูนย์วิจัยฯ ยังไม่มีอาคารเพื่อการปฏิบัติงาน ทางคณะแพทยศาสตร์จึงได้ให้ความร่วมมือโดยให้ใช้พื้นที่บางส่วนของตึกกุมารเวชศาสตร์เพื่อจัดเป็นหอผู้ป่วย ห้องปฏิบัติการทางโลหิตวิทยาและหน่วยธุรการ นอกจากนี้ห้องปฏิบัติการของหน่วยมาลาเรีย กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงในบริเวณคณะแพทยศาสตร์ก็ได้ให้ความอนุเคราะห์ให้ใช้พื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง
พิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยฯ ในบริเวณคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2512 อาคารศูนย์วิจัยฯ ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยเมื่อเทียบกับปีที่ก่อสร้างเป็นอาคารที่มีระบบทำความเย็นทั้งอาคารและมีความพร้อมสำหรับการดำเนินงานวิจัยในมาตรฐานของประเทศทางตะวันตก ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการชีวเคมี ห้องปฏิบัติการโลหิตวิทยา ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาที่มีเครื่องมือสำหรับการวิจัยในห้องปฏิบัติการ หอผู้ป่วยซึ่งเป็น Metabolic Unit ของคนไข้เด็ก ห้องพักสำหรับผู้ใหญ่ที่ร่วมการวิจัย ห้องเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้ในการทดลอง ห้องผ่าตัดสำหรับผ่าตัดสัตว์ในการวิจัย เมื่อการก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยฯ พร้อมการติดตั้งเครื่องมือต่างๆ ได้แล้วเสร็จ
พร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน จึงได้มีพิธีการเปิดอาคารอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2516 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เป็นองค์ประธานเปิดอาคารศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการผู้เข้าร่วมรับเสด็จใน พิธีเปิดอาคารประกอบด้วย Professor Olsen ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯ ผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้บริหารและคณะผู้วิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้แทนรัฐบาลประเทศสหรัฐอเมริกา
Professor Olsen ได้ใช้โอกาสนี้ในการแนะนำศูนย์วิจัยฯ ให้นักวิชาการจากทั่วโลกได้รู้จักโดยการจัดให้มีการประชุมนานาชาติ International Symposium on Protein – Calorie Malnutrition ระหว่างวันที่ 8-11 มกราคม 2516 ณ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเวลาก่อนการประชุม Asia Congress of Nutrition ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 12 มกราคม 2516 เพื่อให้ผู้บรรยายและผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นนักวิชาการจากทั่วโลกสามารถเดินทางมาประชุมที่เชียงใหม่ก่อน ในการประชุม International Symposium on Protein – Calorie Malnutrition ที่จัดโดยศูนย์วิจัยฯ นี้ ได้เชิญนักวิชาการที่มีชื่อเสียงจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกมาร่วมบรรยายและเสนอผลงาน ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย อังกฤษ เลบานอน จาไมก้า อเมริกาใต้ กัวเตมาลา อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งประกอบด้วยศูนย์วิจัยฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข SEATO Lab และผู้แทนจากองค์การอาหารและโภชนาการอื่น ๆ ในการประชุมครั้งนี้ศูนย์วิจัยฯ ได้นำผู้เข้าร่วมการประชุมเข้าเยี่ยมชมหน่วยงานต่างๆ ในอาคารศูนย์วิจัยฯ นับเป็นการแนะนำการดำเนินงานของศูนย์วิจัยฯ ให้นักวิชาการทั่วโลกได้รู้จักอย่างเป็นทางการหลังจากเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2510
ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการได้ดำเนินงานวิจัยโดยคณะผู้วิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ ร่วมมือกับคณะผู้วิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำให้ศูนย์วิจัยฯ สามารถดำเนินการศึกษาวิจัยปัญหา สาเหตุ โรคแทรกซ้อน การเปลี่ยนแปลงของร่างกายของผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคขาดอาหาร โรคโลหิตจางของหญิงมีครรภ์ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างทุโภชนาการกับการเกิดโรคติดเชื้อ โดยได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยดังกล่าวและเป็นที่ยอมรับของนานาชาติศูนย์วิจัยฯ ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเยี่ยมจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่องการใช้วิตามินเอขนาดเดียวกันในปริมาณสูงในหญิงแรกคลอดเด็กแรกเกิดและเด็กในวัยเรียนเพื่อป้องกันการเกิดตาบอดอันเนื่องมาจากการขาดวิตามินเอ นอกจากนี้ยังได้นำผลงานวิจัยมาประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยเด็กที่ขาดอาหารอย่างรุนแรง ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคขาดสารอาหารจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 5 ซึ่งนับได้ว่าศูนย์วิจัยฯ มีศักยภาพในการดำเนินงานวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามก่อนโครงการความร่วมมือนี้จะสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2519
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เตรียมแผนงานที่จะรับช่วงการดำเนินงานของศูนย์วิจัยฯ ต่อ โดยเสนอโครงการขยายและปรับปรุง ยกฐานะให้ “ศูนย์วิจัยโลหิตวิทยาและทุโภชนาการ” เป็น “สถาบันวิจัยคณะแพทยศาสตร์” ในปี พ.ศ. 2517 โดยได้เสนอโครงการดังกล่าวให้อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 และได้รับงบประมาณสำหรับการดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งรวมถึงการบรรจุบุคลากรที่เป็นลูกจ้างของศูนย์วิจัยฯ ให้เป็นข้าราชการ